วันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2555

แบบฝึกหัดบทที่ 9


1. จงอธิบายแนวทางการใช้งานระบบสารสนเทศทางการบัญชีมาพอเข้าใจ
ตอบ แนว ทางการใช้สารสนเทศทางการบัญชี คือ ในปัจจุบันได้เกิดพัฒนาการด้านการทำบัญชีขององค์การธุรกิจทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชน การพัฒนาระบบสารสนเทศทางการบัญชีคือทิศทางหนึ่งของการใช้คอมพิวเตอร์ในงานบัญชี ที่มุ่งเน้นเป้าหมายด้านการรวบรวม จัดรับเก็บ ประมวล และนำเสนอสารสนเทศทางการบัญชี ทั้งในส่วนของบัญชีการเงินและบัญชีบริหาร เพื่อผลของการตัดสินใจที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากกว่าการทำบัญชีด้วยมือ ซึ่งมักประกอบด้วยขั้นตอนที่ค่อนข้างมีความซ้ำซ้อน จึงก่อให้เกิดความล่าช้าในการออกรายงานทางการเงินและรายงานทางการบริหาร ดังนั้น จึงถือว่าระบบสารสนเทศทางการบัญชี คืออีกแนวทางหนึ่งที่ช่วยเพิ่มมูลค่าสำหรับการดำเนินงานภายในธุรกิจ อีกทั้งช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันเชิงธุรกิจ และรองรับการขยายตัวของธุรกิจในอนาคต
2. จงยกตัวอย่างผู้ใช้สารสนเทศทางการบัญชีภายนอกองค์กรมาสัก 2 ตัวอย่าง
ตอบ ตัวอย่างเช่น ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทางธุรกิจ ประกอบด้วยลูกค้า ผู้ขายสินค้า ผู้ถือหุ้นกู้ ผู้ถือหุ้นทุน ธนาคาร คู่แข่งขัน และหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น กระทรวงพาณิชย์และกรมสรรพากร เป็นต้น

3. หากท่านดำเนินธุรกิจร้านมินิมาร์ทแห่งหนึ่ง ท่านเลือกที่จะติดตั้งใช้งานระบบสารสนเทศทางการบัญชีหรือไม่ อย่างไร
ตอบ เลือก เพราะ การบัญชี ถือเป็นหน้าที่งานด้านการบริหารทรัพยากรข้อมูลทางการเงินของธุรกิจ ที่สามารถช่วยตัดสินใจที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากกว่าการทำบัญชีด้วยมือ
4. หาก ธุรกิจแห่งหนึ่งมีการใช้ระบบสารสนเทศทางการบัญชีที่ได้รับการประกันความถูก ต้องของข้อมูล ท่านคิดว่าธุรกิจนั้นจะได้รับประโยชน์อย่างไร
ตอบ1. ช่วยให้ธุรกิจทราบกำไรขาดทุนที่แท้จริง
2. ช่วยให้ธุรกิจทราบฐานะทางการเงินของกิจการ
3. เป็นเครื่องมือช่วยสนับสนุนการหาแหล่งเงินทุนของธุรกิจ
4. เป็นเครื่องมือในการเสียภาษี
5. ช่วยในการวางแผนธุรกิจ
6. ช่วยในการปรับปรุงและพัฒนาธุรกิจให้เจริญก้าวหน้าต่อไป

5. ท่านคิดว่าเอกสารทางการบัญชีของระบบประมวลผลด้วยมือ และแฟ้มข้อมูลของระบบประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์ มีความสัมพันธ์กันอย่างไร
ตอบ มี ความสัมพันธ์กัน คือ เป็นการทำบัญชีที่เหมือนกันแต่จะแตกต่างตรงที่ว่าการทำบัญชีด้วยระบบ คอมพิวเตอร์เป็นการนำระบบโปรแกรมสำเร็จรูปทางการบัญชีมาใช้ ซึ่งไม่ต้องเสียเวลาในการทำให้ยุ่งยาก ซึ่งต่างกับการบันทึกบัญชีด้วยมือ เขียนโดยapiozz
6. เพราะเหตุใดรายงานภาษีมูลค่าเพิ่ม จึงถือเป็นส่วนหนึ่งของรายงานทางการเงิน
ตอบ เนื่อง จากในการลงบันทึกการบัญชีจะเกิดขึ้นได้ต้องมีการซื้อขาย แลกเปลี่ยน เพราะฉะนั้นจึงมีความเกี่ยวข้องกันกับภาษีมูลค่าเพิ่ม เพราะในการจัดทำบัญชี ธุรกิจจะต้องจัดทำรายงานภาษีมูลค่าเพิ่มพร้อมทั้งส่งให้กรมสรรพากรตรวจสอบใน การซื้อขาย แลกเปลี่ยนกันเพื่อที่จะได้นำตัวเลขที่ได้มาทำการคำนวณภาษีได้อย่างถูกต้อง เขียนโดยapiozz
7. จงอธิบายแนวโน้มของระบบสารสนเทศทางการบัญชีในอนาคต
ตอบ ในอนาคตของระบบสารสนเทศทางการบัญชีจะเน้นการใช้โปรแกรมสำเร็จรูปทางการบัญชีร่วมกับโปรแกรมการวางแผนทรัพยากรองค์การ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการเชื่อมโยงข้อมูลภายใต้โซ่คุณค่าและโซ่อุปทานเข้าด้วยกัน อีกทั้งยังสามารถนำสารสนเทศทางการบัญชีไปใช้ร่วมกับระบบข้อมูลอื่น เช่น ระบบสารสนเทศทางการตลาด ระบบสารสนเทศทางการเงิน และระบบสารสนเทศขององค์การคู่ค้า เป็นต้น

8. หาก ธุรกิจมีการเสนองบการเงิน ซึ่งมีการนำเสนอข้อมูลด้านการวิเคราะห์อัตราส่วนเพิ่มเติมด้วยจะถือเป็น รายงานทางเงินหรือรายงานทางการบริหาร
ตอบ รายงานทางการบริหาร

9. การเชื่อมโยงข้อมูลภายในธุรกิจจะได้รับข้อมูลจากระบบงานใดบ้าง
ตอบ1. ระบบสารสนเทศทางการผลิต
2. ระบบสารสนเทศทางการตลาด
3. ระบบสารสนเทศทางการเงิน
4. ระบบสารสนเทศทางการเพื่อการบริหารทรัพยากรมนุษย์
5. ผู้จัดการงานบัญชี
6. ผู้ใช้รายงาน

10. เพราะเหตุใดธุรกิจจึงจำเป็นต้องใช้โปรแกรมการวางแผนทรัพยากรองค์การร่วมกับการใช้ระบบสารสนเทศทางการบัญชี
ตอบ ทราบถึงข้อมูลภายในองค์การเพื่อที่จะนำข้อมูลที่ได้ไปลงข้อมูลทางการบัญชีได้อย่างถูกต้อง เขียนโดยapiozz





1


สรุปบทที่ 10

การประยุกต์ใช้ระบบสารสนเทศทางธุรกิจในยุคโลกาภิวัตน์ จำเป็นจะต้องใช้ร่วมกับเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัย อีกทั้งเพิ่มขีดความสามารถด้านการแพร่กระจายสารสนเทศไปทั่วโลก ดังนั้น จำเป็นต้องมีการบูรณาการด้านระบบสารสนเทศทั้งภายในและภายนอกองค์การ ร่วมกับการใช้อินเทอร์เน็ตซึ่งเป็นระบบเครือข่ายที่มีต้นทุนการใช้งานต่ำ แต่มีสมรรถภาพการใช้งานสูง จึงเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการสนองตอบต่อการใช้สารสนเทศเพื่อการจัดการ และการตัดสินใจ ทั้งในส่วนการจัดการโซ่อุปทาน การจัดการลูกค้าสัมพันธ์ และหน้าที่งานอื่น ซึ่งถือเป็นงานหลักขององค์การที่จะนำมาซึ่งความพึงพอใจของลูกค้า ตลอดจนผลกำไรของธุรกิจในระยะยาว
ปัจจุบันองค์การธุรกิจมีการใช้ระบบสารสนเทศหลากหลายระบบ โดยการปฏิบัติงานอยู่ภายใต้กระบวนการทางธุรกิจเฉพาะเรื่อง และยังมีการบูรณาการระบบสารสนเทศต่างๆเข้าด้วยกัน ทั้งภายในและภายนอกองค์การ เพื่อการเชื่อมโยงและการแพร่กระจายสารสนเทศทั่วทั้งองค์การ ตลอดจนมีการเชื่อมโยงสารสนเทศกับองค์การภายนอก ซึ่งก็คือ ลูกค้า ผู้จัดหา และหุ้นส่วนธุรกิจ ภายใต้รูปแบบของระบบวิสาหกิจ
ระบบวิสาหกิจ เป็นระบบที่รวบรวมระบบประยุกต์ด้านหน้าที่งานแนวไขว้ และระบบอื่นๆ ไว้ภายใต้ระบบเดียว โดยมีระบบสารสนเทศด้านการวางแผนทรัพยากรองค์การเป็นระบบที่ใช้เป็นตัวเชื่อมโยงกระบวนการทางธุรกิจหลักและระบบสารสนเทศอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าด้วยกัน โดยเฉพาะระบบสารสนเทศที่ใช้สนับสนุนการทำงานของระบบสารสนเทศด้านการจัดการโซ่อุปทานและระบบสารสนเทศด้านการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ อีกทั้งยังใช้สนับสนุนการตัดสินใจทางธุรกิจโดยการค้นหาความรู้ จากฐานความรู้ขององค์การหรือศูนย์รวมความรู้วิสาหกิจ โดยมีการทำงานร่วมกับระบบการจัดการความรู้ และระบบสนับสนุนการตัดสินใจในส่วนอัจฉริยะทางธุรกิจ

สรุปบทที่ 9

           การบัญชี ถือเป็นหน้าที่งานด้านการบริหารทรัพยากรข้อมูลทางการเงินของธุรกิจ ซึ่งในปัจจุบัน ได้เกิดพัฒนาการด้านการทำบัญชีขององค์การธุรกิจทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชน การพัฒนาระบบสารสนเทศทางการบัญชีคือทิศทางหนึ่งของการใช้คอมพิวเตอร์ในงานบัญชี ที่มุ่งเน้นเป้าหมายด้านการรวบรวม จัดเก็บ ประมวลผล และนำเสนอสารสนเทศทางการบัญชี ทั้งในส่วนของบัญชีการเงินและบัญชีบริหาร เพื่อผลของการตัดสินใจที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากกว่าการทำบัญชีด้วยมือ ซึ่งมักประกอบด้วยขั้นตอนที่ค่อนข้างมีความซ้ำซ้อน จึงก่อให้เกิดความล่าช้าในการออกรายงานทางการเงิน และรายงานทางการบริหาร ดังนั้น จึงถือว่าระบบสารสนเทศทางการบัญชีคืออีกแนวทางหนึ่งที่ช่วยเพิ่มมูลค่าสำหรับการดำเนินงานภายในธุรกิจ อีกทั้ง ช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันเชิงธุรกิจ และรองรับการขยายตัวของธุรกิจในอนาคต
          ระบบสารสนเทศทางการบัญชี เป็นระบบที่นำเสนอสารสนเทศ ทั้งในรูปแบบบัญชีการเงิน และบัญชีผู้บริหาร ที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ใช้รายงาน ทั้งในรูปแบบของเอกสารทางการบัญชี รายงานทางการเงิน และรายงานทางการบริหาร ซึ่งเป็นผลลัพธ์จากการประมวลผลของระบบประมวลผลธุรกรรม ระบบบัญชีแยกประเภทและรายงานทางการเงิน รวมทั้งระบบรายงานทางการบริหาร โดยรายงานทางการเงินจะถูกจัดทำขึ้นตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป และรายงานทางการบริหาร จะถูกจัดทำขึ้นตามความต้องการของผู้ใช้รายงาน
         กระบวนการทางธุรกิจของระบบสารสนเทศทางการบัญชี โดยปกติจะดำเนินตามวัฏจักรรายการค้า โดยสามารถจำแนกกระบวนการทางธุรกิจได้ 4 ส่วนคือ การเชื่อมโยงข้อมูลภายในธุรกิจ การบัญชีแยกประเภททั่วไป การออกรายงานทางการเงิน และการออกรายงานทางการบริหาร โดยมีการรับธุรกรรมจากระบบสารสนเทศอื่นๆมาเก็บไว้ในแฟ้มสมุดรายวันทั่วไป ตลอดจนทำรายการปรับปรุงบัญชีเท่าที่จำเป็น จากนั้นจึงจำแนกประเภทบัญชี และผ่านรายการไปยังแฟ้มบัญชีแยกประเภท รวมทั้งปรับยอดคงเหลือของแต่ละบัญชีในแฟ้มงบทดลอง ก่อนที่จะประมวลผลเพื่อออกรายงานทางการเงินและรายงานทางการบริหาร สำหรับเทคโนโลยีที่นิยมใช้ในระบบสารสนเทศทางการบัญชี คือ โปรแกรมสำเร็จรูปทางการบัญชี การนำเสนองบการเงินทางอินเทอร์เน็ต และโปรแกรมการวางแผนทรัพยากรองค์กร